โครงการ " ออมบุญ ออมธรรม วันละบาท "
1. โครงการ "ออมบุญ ออมธรรม วันละบาท กับธรรมเป็นทีม "
2. ที่มาของโครงการ
ด้วยสังฆะธรรมเป็นทีม อันประกอบด้วย พระภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งมีเจตจำนงค์ร่วมกันในการเผยแผ่ธรรมะออนไลน์ ซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ได้ทำโครงการธรรมสากัจฉา สนทนาธรรม ผ่านเพจชื่อ "ธรรมเป็นทีม" เริ่มมีผู้ฟังติดตามเพิ่มขึ้น ทั้งมีผู้อุปถัมภ์สนับสนุนในการดำเนินงานครั้งนี้ด้วยดี ทางสังฆะธรรมเป็นทีม ได้พิจารณาถึงโครงการที่จะทำต่อไป คือ การบำเพ็ญสังคมสงเคราะห์ ที่เรียกว่า อัตถจริยา โลกัตถะจริยา ซึ่งเป็นจริยาวัตรที่พระพุทธองค์ได้ทรงบำเพ็ญเป็นแบบอย่าง ที่สังฆะเราจักได้บำเพ็ญเจริญรอยตาม ซึ่งนอกเหนือจากการแบ่งปันธรรมะ การบรรยายธรรมแล้ว
บุคคลต้นแบบแห่งบำเพ็ญอัตถจริยา และ โลกัตถะจริยา คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ในปัจจุบัน ที่สามารถพอยกตัวอย่างได้ เช่น พระเทพวิทยาคม(หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ) ซึ่งบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ตกยาก หน่วยงานต่าง โรงเรียน วัด จำนวนเงินมากกว่าห้าพันล้านบาท, คุณบิณฑ์ และคุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ กับคณะทีมงานที่ช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเมตตากรุณาในจิตใจได้เป็นอย่างดี
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ปรากฎตามสื่อสารอยู่บ่อยครั้งที่มีประชาชนได้รับความทุกข์ประสบภัย เช่น อัคคีภัย วาตภัย โรคภัย ความอัตคัตในชีวิต ขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค เครื่องใช้จำเป็น โดยเฉพาะในสถานการณ์โรคโควิด ด้วยเหตุดังนั้น "ธรรมเป็นทีม" จึงมีแนวคิดจะจัดโครงการกองทุน "ออมบุญ ออมธรรม วันละบาท" ขึ้น โดยการเริ่มต้นโครงการ จะเริ่มจาก"ธรรมเป็นทีม"ก่อน โดยการขอความเมตตาแต่ละท่าน ได้ออมเงินวันละ 1 บาท ด้วยเจตนาอันเป็นกุศล ด้วยความสมัครใจ เพื่ออนุเคราะห์ สงเคราะห์แก่ผู้ได้รับความลำบาก จากนั้น เชิญชวนพุทธศาสนิกชน หรือผู้มีความสนใจเข้าร่วมโครงการ ทำลักษณะเดียวกัน คือ นำเงินใส่กระปุกออมสิน สั่งสมบุญ สั่งสมธรรม ออมเงินไว้วันละ 1 บาท เมื่อถึงเวลาพอสมควรแล้ว จะนำไปถวายวัด องค์กร หน่วยงานสาธารณกุศลต่างๆ หรือจะนำมาถวายเข้าโครงการออมบุญ ออมธรรมก็ได้ โดยทาง "ธรรมเป็นทีม" จะได้เปิดบัญชีธนาคาร ในนามกลุ่มใช้ชื่อ 3 ท่านในการเบิกจ่าย เงินทุนที่ได้ทั้งหมด จะทำเป็นกองทุนนิธิเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยยากลำบาก หรือช่วยเหลือโรงเรียน หน่วยงานที่ขาดแคลน เพื่อสนับสนุนการทำกิจกรรม CSR ช่วยเหลือสังคมของกลุ่ม อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เมื่อโครงการออมบุญ ออมธรรมนี้ได้แพร่หลายในวงกว้าง ก็จะเกิดการแบ่งปัน คนมีมาก แบ่งปันแก่ผู้ไม่มี หรือมีน้อย คนมีความสุขอยู่แล้ว แบ่งปันความสุขแก่ผู้ยังทุกข์อยู่ คนมีท้องอิ่ม แบ่งปันแก่ผู้กำลังหิวโหย ผู้เย็นสบาย แบ่งปันความเย็นสบายแก่ผู้ร้อน โครงการนี้จะเกิดประโยชน์มหาศาลทั้งแก่ผู้รับ และยังเป็นยกจิต ยกใจออกจากความตระหนี่ ปลูกจิตโพธิสัตว์ ความรัก ความเมตตา กรุณา เอื้อเฟื้อ สร้างจิตแห่งการเป็นผู้ให้แก่บุคคลผู้ทำด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นนั้น จึงได้ริเริ่มโครงการกองทุน "ออมบุญ ออมธรรม วันละบาท" ขึ้น เพื่อจักเป็นปรหิตประโยชน์แก่ผู้สมควรจะได้รับการช่วยเหลือ และเป็นประโยชน์แก่ผู้เข้าร่วมโครงการอันเป็นการประพฤติธรรม สั่งสมบุญ สั่งสมธรรม ออมบุญ ออมธรรมไปในคราวเดียวกัน ในเรื่องการการสร้างจิตแห่งการเป็นผู้ให้ เสียสละ ทำเพื่อผู้อื่นด้วย ดังพุทธพจน์ที่ว่า “สุโข ปุญฺสส อุจฺจโย แปลว่า การสั่งสมบุญ นำสุขมาให้" และ "ททมาโน ปิโย โหติ แปลว่า ผู้ให้ ย่อมเป็นที่รัก"
3. วัตถุประสงค์
3.1 เพื่อเป็นกองทุนเผยแผ่ธรรมะของกลุ่มธรรมเป็นทีม
3.2 เพื่อนำไปใช้กิจกรรมสาธารณะกุศลต่างๆ ช่วยเหลือผู้ประสบทุกขภัยในสังคม ได้ปฏิบัติธรรมตามหลักอัตถจริยา โลกัตถจริยา ปรหิตะประโยชน์
3.3 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนมีโอกาส อย่างเท่าเทียมในการได้ออมบุญ ออมธรรม สร้างที่พึ่งงแก่ตนเอง โดยวิธีการสั่งสมทีละน้อยด้วยจิตศรัทธาอันตั้งมั่น
4. วิธีดำเนินการ
4.1 เขียนโครงการขึ้นมา นำเสนอในสังฆะธรรมเป็นทีม, แต่งตั้งคณะทำงาน
4.2 ประชาสัมพันธ์รายละเอียดบนเว็บไซต์, บนเพจธรรมเป็นทีม, ในการจัดรายการ
4.3 เปิดบัญชีธนาคาร ใช้ชื่อจำนวน 3 ท่าน
4.5 เชิญชวนสังฆะธรรมเป็นทีมร่วมโครงการ และให้ขยายวงกว้างออกไป
4.6 ทำการประเมินผลการดำเนินการทุก 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี
5.ระยะเวลา
สิงหาคม 2563 - สิงหาคม 2567 (ระยะเวลา 5 ปี)
6.1 จากสังฆะธรรมเป็นทีม
6.2 จากพุทธศาสนิกชน ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ
6.3 จากหน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างร้าน และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไป
7.ผู้รับผิดชอบโครงการ
สังฆะธรรมเป็นทีม
8.ผลที่คาดว่าจะได้รับ
8.1 มีกองทุนเผยแผ่ธรรมะของกลุ่มธรรมเป็นทีม
8.2 สามารถดำเนินกิจกรรมสาธารณะกุศลต่างๆ ช่วยเหลือผู้ประสบทุกขภัยในสังคม ได้ปฏิบัติธรรมตามหลักอัตถจริยา โลกัตถจริยา ปรหิตะประโยชน์
8.3 ผู้เข้าร่วมโครงการมีโอกาส อย่างเท่าเทียมในการได้ออมบุญ ออมธรรม สร้างที่พึ่งแก่ตนเอง โดยวิธีการสั่งสมทีละเล็กละน้อยด้วยจิตศรัทธาตั้งมั่น อันมีผลานิสงส์มหาศาล
9. การประเมินผลโครงการ
9.1 เชิงปริมาณ มีจำนวนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้นในแต่ละเดือน ในแต่ละปี, มีจำนวนเงินสั่งสมเพิ่มมากขึ้น, มีผู้ร่วมสนับสนุน อุปถัมภ์เพิ่มขึ้น
9.2 เชิงคุณภาพ ผู้เข้าร่วมโครงการได้เกิดความเข้าใจ ได้ลงมือปฏิบัติธรรม ได้มีทัศนคติที่ดีต่อการช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตโพธิสัตว์ในใจ มีความสุขอันเกิดจากการได้เข้าร่วมโครงการนี้
" ขอให้มีใจตั้งมั่นแท้จริง ที่จะร่วมช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
หยอดกระปุกเพียง 1 บาท ทุกวัน แต่ถ้าใครจะหยอดมากกว่า 1 บาทก็ยิ่งดี
เดือนหนึ่งนำมารวมกันครั้งหนึ่ง หลายๆ คน
ก็จะก่อตัวเป็นหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น
จะมีคุณค่าแก่สังคม "
" ทำบุญ เราสามารถ ทำทีละน้อยๆ ค่อยๆสั่งสม "
" เป็นกระบวนการขัดเกลาจิตใจ ให้รู้จักเสียสละ แบ่งปัน
ปลูกจิตโพธิสัตว์แห่งพุทธะในตัวเอง "
ปลูกจิตโพธิสัตว์แห่งพุทธะในตัวเอง "
อยากให้ทุกคนได้เล็งเห็นความสำคัญ มาช่วยกัน "ออมบุญ ออมธรรม วันละบาท" ให้แก่ตนเอง สั่งสมเงิน สั่งสมบุญ สั่งสมธรรม เมื่อได้จำนวนมากแล้ว จะนำไปต่อยอดในการทำธุรกิจ ค้าขาย ประกอบอาชีพ จะนำไปเป็นทุนการศึกษาแก่บุตรหลาน สั่งสมไว้เป็นทุนพยาบาลยามเจ็บยามไข้ก็ย่อมทำได้ สั่งสมบุญแก่ตนเอง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากในโลกนี้ก็ย่อมเป็นคุณความดีอันยิ่งใหญ่
- กำลังอัพเดท -
--------------------------------------------------
แม่ค้าขายขนมครก เก็บเงินเหรียญใส่ถังน้ำ 3 ปีรวย
เป็นเรื่องราวที่น่าชื่นชมอย่างมาก เมื่อทางเพจ ข่าวเด่นภูมิภาคทั่วไทย กาญจนบุรี ได้ออกมาโพสต์ถึงแม่ค้าขายขนมครกและครอบครัวที่เก็บสะสมเงินเหรียญ ที่ได้จากการขายขนมโดยการหยอดในถังน้ำดื่มจนเต็ม โดยใช้เวลากว่า3ปี เป็นเงินกว่า 7 หมื่นบาท โดยจากโพสต์นั้นได้ระบุรายละเอียดว่า
แม่ค้าขายขนมครก ตลาดสังขละบุรี สะสมเงินเหรียญ ที่ได้จากการขายขนมโดยการหยอดในถังน้ำดื่มจนเต็ม โดยใช้เวลากว่า3ปี เป็นเงินกว่า 7 หมื่นบาท เผยได้รับการปลูกฝังเรื่องการเก็บออมจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็ก ต่อยอดด้วยการสอนลูกให้รู้จักเก็บออม ผ่านการหยอดเงินในกระปุกออมสินทุกวัน เพื่อฝึกวินัยการออม โตขึ้นจะได้ไม่ลำบาก
ที่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาพบกับครอบครัวนักออม ซึ่งประกอบด้วยนายสราวุธ ไทยสังขสิริพงศ์ อายุ 37 ปี น.ส.วาวา อายุ 31 ปี พร้อมด้วย ด.ญ ภัทรวดี ไทยสังขศิริพงศ์ อายุ 8 ปี ด.ช.ณกร ไทยสังขศิริพงษ์ อายุ 6 ปี ขณะที่ทั้งหมดกำลังช่วยกันนับเงินเหรียญ ซึ่งประกอบด้วยเหรียญ 1บาท 2 บาท 5 บาทและเหรียญ 10 บาท ที่อยู่ในถังน้ำดื่มที่ช่วยกันใส่สะสมไว้ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ถังที่ใส่เงินแตก ขณะทำการทำความสะอาดบ้าน
โดย น.ส.วาวา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองมีอาชีพขายขนมครกและขนมหวาน ส่วนสามี ขายน้ำมะพร้าว ในตลาด5เชื้อชาติ เทศบาลตำบลวังกะ โดยทุกวันหลังจากขายของเสร็จ ก็จะนำเศษสตางค์ทั้งหมดมาใส่ไว้ในถังน้ำ โดยไม่เคยนับว่าแต่ละวันใส่จำนวนเท่าไหร่ ทั้งนี้เป็นนิสัยที่ได้รับการปลูกฝังมาจากครอบครัว ที่สอนให้ตนเองเก็บออมโดยการหยอดเงินในกระปุกออมสินตั้งแต่วัยเยาว์ ส่วนเงินทั้งหมดในถังใบนี้ ใช้เวลาสะสมมานานกว่า 3 ปี
จนมาถึงทุกวันนี้ นอกจากตนเองและสามี ที่ช่วยกันเก็บเงินในถังแล้ว บางครั้งก็จะให้ลูกทั้ง2 เป็นคนใส่เงินลงในถัง จนวันหนึ่งลูกๆอยากมี กระปุกออมสินเพื่อสะสมเงินเป็นของตนเอง ตนและสามี จึงซื้อให้ลูกๆไว้เก็บสะสมเงินที่ได้จากค่าขนมที่ให้ไปโรงเรียน เพื่อเป็นการปลูกฝังเรื่องการเก็บออมเงินให้แก่ลูกๆ เหมือนที่ตนเองได้รับจากครอบครัว
ด้าน ด.ญ.ภัทรวดี ไทยสังขศิริพงศ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองหยอดตังในกระปุกออมสินทุกวัน โดยมีความตั้งใจจะเก็บเงินจนเต็มกระปุก เพื่อเอาไปมอบให้คุณตา ที่อยู่ที่บ้านในประเทศเมียนมา ส่วนเหตุผลที่ปลูกฝังเรื่องการออมให้ลูกเนื่องจากอยากให้ลูกๆรู้จักการออมเงินและรู้จักใช้เงินให้เกิดคุณค่ามากที่สุด เพื่อจะได้ไม่ลำบากในอนาคต..
--------------------------------
แม่ค้าสอนลูกเก็บเงิน หยอดในถังน้ำดื่ม20ลิตร ใช้เวลา3ปีจนเต็ม ได้เงิน 7 หมื่น
ภรรยากดไลค์! ยอดคุณพ่องดเหล้า-เที่ยวเตร่ ออมเงินให้ลูก 1 ปี ได้เงินเหยียบแสน
แม่ค้าขายขนมครก เก็บเงินเหรียญใส่ถังน้ำ 3 ปี
หนุ่มอัดคลิปวิดีโอทุบถังน้ำ หลังออมเงินใส่เอาไว้ในถังมานานจนครบ 1 ปี
ลั่น! จะเก็บต่อไปทุกปีเพราะแกะทีโคตรบันเทิง!
ภรรยากดไลค์! ยอดคุณพ่องดเหล้า-เที่ยวเตร่ ออมเงินให้ลูก 1 ปี ได้เงินเหยียบแสน
หนุ่มเก็บเงินใส่ถังน้ำ5ปี! เก็บได้กว่าครึ่งแสน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น